วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[FFXV-NoctisxLuna] The Other Side of the Moon

Title : The Other Side of the Moon Fandom : Final Fantasy XV
Pairing : Noctis x Luna
Rating/Warnings : M / R18 / NC-17



ณ ห้องพระสำอาง (ห้องแต่งตัว)
เขตพระราชฐานชั้นใน พระราชวังซิทาเดล

"นี่ องค์ราชินี ขอถามอะไรหน่อยสิ รับรองไม่เอาไปพูดที่อื่นแน่"
อดีตหัวหน้าหน่วยรบหญิงแย้มริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกเนื้อแมทสีแดงสด ขณะหญิงสาวผมสีบลอนด์ผู้อ่อนวัยกว่ากำลังหวีสางเส้นผมสีเงินแพลททินั่มของเจ้าหล่อนอย่างเบามือโดยไม่ถือตัวว่าตนเองคือราชินีแห่งราชอาณาจักรลูซิสแม้แต่น้อย

"อะไรหรอคะ?"
ลูน่าในชุดเดรสสีขาวตัวเก่งเงยหน้าขึ้นสบตากับอาราเนียผ่านกระจกเงาตรงหน้าคนทั้งคู่
แม้อายุอานามของเธอจะใกล้แตะเลข 4 แล้วแต่ก็ไม่ได้มีผลใดๆต่อใบหน้าสวยคมและเรือนร่างแสนเย้ายวนในชุดราตรีสีดำเลื่อมเงินของอาราเนียแม้แต่น้อย

"ฝ่าบาท...เวลาอยู่บนเตียงน่ะเป็นยังไงหรอ?"

ราชินีสาวแห่งลูซิสหยุดแปรงผมก่อนใช้ความคิดชั่วครู่
"ก็...หลับสนิทดีมั้งคะ?"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นสิ!"
อาราเนียหลุดหัวเราะกับความน่ารักไร้เดียงสาของพระราชินี ขณะที่อีกฝ่ายกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง

หญิงสาวผู้สูงวัยกว่าหันตัวกลับมาหาลูน่าก่อนจะเอ่ยต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ

"ฉันหมายถึง เรื่อง-บน-เตียง ต่างหาก…!"

เรื่อง-บน-เตียง!

"คะ คุณอาราเนียถามอะไรคะเนี่ย!?"
เพียงแค่พริบตาเดียว ใบหน้าของลูน่าก็ถูกย้อมด้วยสีแดงเมื่อเข้าใจความหมายของคำพูดเมื่อครู่

"น่าๆ อย่าหาว่าฉันยุ่งเรื่องสามีภรรยาเลยนะ...ก็แค่อยากรู้เฉยๆน่ะ"
“คะ...คุณอาราเนีย!”

อยากรู้เรื่อง...เรื่องนึ้เนี่ยนะ!?

"ก็แหม เด็กคนนั้นสมัยก่อนดูเด๋อด๋าเงอะงะจะตายไป แต่พอเป็นราชาแล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย"
ขายาวเรียวสวยข้างหนึ่งของอาราเนียยกขึ้นทาบทับเป็นท่านั่งไขว่ห้าง

"ก็เลยอยากรู้ว่า ในเวลา"แบบนั้น"ยังเป็นผู้นำแสนองอาจแบบนี้ด้วยรึเปล่าน้า..."

"........"
ราชินีสาวอ้ำอึ้งไม่ตอบคำ เธอก้มหน้างุดขณะมือทั้งสองเกาหวีเอาไว้แน่น

เมื่อเห็นว่าคงจะไม่ได้รับคำตอบ หญิงสาวผมเงินจึงยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงหยุดการสนทนาหัวข้อนี้
"ถ้าไม่อยากคุยเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไรนะ ขอโทษด้วยที่ถามอะไรเสียมารยาท"

ทว่าในที่สุด…

"เขา...ดี..มากๆเลยค่ะ"

"หืม?"

ลูน่าขบริมฝีปากล่างเบาๆอย่างเขินอาย
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงเรื่องราวยามค่ำคืนของเธอกับน็อคติสให้คนอื่นฟัง

"น็อคติส....อ่อนโยนกับฉันเสมอ บางครั้งอาจจะรุนแรงดุดันไปบ้าง..."

ไม่สิ แม้แต่กับน็อคติสเอง เธอก็ไม่เคยพูดคุยเรื่องนี้กับเขาราวกับเป็นเรื่องคุยเล่นแบบนี้

"...แต่เขาทำให้ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ"

"เห--- ไม่เลวเลยนะ คุณพระราชาเนี่ย"
คำตอบของราชินีสาวทำให้อาราเนียเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

"ว่าแต่ เธอได้เป็นฝ่ายรุกเขาบ้างรึเปล่า?"

ลูน่าถึงกับผงะกับคำถามต่อมา
"ระ...รุก?"

รุกคือ…
ให้...ให้ฉันเป็นฝ่าย…!?

"อย่าบอกนะว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอให้เขาคุมเกมตลอดเลยน่ะ?"

"เอ่อ...คือ...ฉัน...ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ..."

“อะไรกัน!? เธออายุมากกว่าเขาไม่ใช่หรอ? กล้าๆหน่อยสิ!”

“ตอนนี้...ไม่แล้วค่ะ…”
ใบหน้าอ่อนหวานร้อนฉ่ายิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้เธอไม่ใช่ลูน่าเฟรย่า เด็กผู้หญิงในความทรงจำที่อายุมากกว่าเขา4ปีอีกต่อไปแล้ว

"เอาเถอะ ถือว่าฉันแนะนำอะไรดีๆให้ก็แล้วกัน..."
อดีตอัศวินมังกรสาวสวยยกมือขึ้นกอดอก รอยยิ้มมีเลศนัยประดับเด่นบนใบหน้า

"การยอมให้สามีทำตามใจชอบมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายรุกบ้าง ชีวิตคู่จะแซ่บขึ้นเยอะเลยล่ะ"

"...ซะ แซ่บ?"

“แซ่บ”คืออะไร?

"แล้วก็นะ..."
ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อย

"สีหน้าของผู้ชายในเวลานั้นน่ะสุดยอดไปเลย"

"สะ...สีหน้า? สีหน้าอะไรคะ?"
ราชินีแห่งลูซิสเขินอายจนมึนงงไปหมดแล้ว

"หึหึ ลองดูแล้วก็จะรู้เองนั่นแหละ"
อาราเนียหมุนตัวกลับไปท่าเดิมอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ลูน่ายืนอ้ำอึ้งต่อไป

"แล้ว...คุณอาราเนีย..."
ราชินีสาวยกมือขึ้นจับเรือนผมสีแพลททินั่มเพื่อเตรียมหวีสางอีกครั้ง

"ระ...รุกคุณอิกนิส...บ่อยมั๊ยคะ?"
เสียงหวานเอ่ยถามอ้อมแอ้ม

คิ้วคู่สวยของอดีตอัศวินมังกรเลิกขึ้นเล็กน้อย
แม้จะจางจนแทบสังเกตไม่เห็น แต่ลูน่าก็สังเกตเห็นสีแดงระเรื่อบนพวงแก้มทั้งสองของหญิงสาวคนตรงหน้า

“อืม...ก็นะ…?”

ราชินีสาวแห่งลูซิสไม่เอ่ยถามอะไรอีกก่อนลงมือแปรงผมให้อาราเนียต่อไป ทว่าในใจกลับสับสนวุ่นวายเพราะประเด็นสนทนาก่อนหน้านี้

เราเป็นฝ่าย...รุกน็อคติสหรอ?
อ๊า! ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลย

ก็...ก็เรื่องแบบนั้นมัน...น่าอายจัง
ไม่สิ นี่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยาสินะ

แล้วที่คุณอาราเนียบอกว่า… “แซ่บ”?
กับ “สีหน้าแบบนั้น” ของผู้ชาย...คืออะไรกันนะ?

นัยน์ตาสีฟ้าสดใสกลอกไปมาด้วยความลังเล

หรือว่าถ้าเราเป็นฝ่ายรุกบ้าง
น็อคติสจะชอบ...จะมีความสุขหรอ?
ถ้าอย่างงั้นละก็...

"คะ คุณอาราเนียคะ..."

"หืม?"

"ช่วยสอน...วิธีรุกให้หน่อยสิคะ"

……………………………………………….

แสงไฟสีทองส่องสว่างไปทั่วพระราชวังซิทาเดลอันเปรียบเสมือนเป็นใจกลางแห่งราชธานีอินซอมเนียดังเช่นทุกค่ำคืน หากแต่ค่ำคืนนี้สำนักพระราชวังได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันสถาปนาราชวงศ์ลูซิส ภายในวังจึงมีการประดับประดาสถานที่ด้วยสีดำและสีทองเป็นพิเศษ เหล่าขุนนางและแขกผู้มีเกียรติต่างทยอยเดินทางมาสู่พระราชวังอย่างเนืองแน่น ขณะที่เหล่าทหารองครักษ์ต่างทำหน้าที่ดูแลสอดส่องความปลอดภัยทั้งในและนอกพระราชวังอย่างเต็มที่

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงใหญ่แห่งซิทาเดล จุดดึงดูดความสนใจของบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายนั้นหาใช่กษัตริย์หนุ่มลำดับที่ 114 ของลูซิสที่ประทับอยู่บนเก้าอี้ประธานของงาน แต่กลับเป็น…

"อา ดูนั่นสิ ท่านลูน่าเฟรย่ากับท่านอาราเนียนี่นา"

"องค์ราชินีทรงพระสิริโฉมไม่เปลี่ยนเลย"

"ส่วนเลดี้ไซเอนเทียก็งามไม่แพ้กัน"

"ท่านอิกนิสนี่ก็ร้ายนัก ไม่ค่อยยอมพาท่านหญิงมาออกงานเท่าไหร่"

"นั่นสิน้า น่าอิจฉาฝ่าบาทกับท่านราชเลขาจริงๆ"

ทุกสายตาล้วนถูกดึงดูดให้จับจ้องไปยังลูน่าเฟรย่า ลูซิส เคลัม ที่นั่งสง่าบนเก้าอี้อีกมุมหนึ่งในชุดราตรีแขนยาวสีดำสนิทอันเป็นสีประจำราชวงศ์ ผมสีบลอนด์สลวยรวบขึ้นเป็นมวยและประดับด้วยมงกุฎสีเงิน ราชินีสาวแห่งลูซิสในค่ำคืนนี้ช่างดูแตกต่างหญิงสาวในชุดขาวที่ผู้คนชินตา

เธอผู้งดงามสุกสกาวดั่งแสงจันทร์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับดูมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าทุกครั้ง
อาจเป็นเพราะสีดำรัตติกาลแห่งลูซิสที่สวมใส่อยู่กระมัง

ไม่ใช่แค่องค์ราชินีที่เป็นจุดดึงดูดความสนใจเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่กำลังสนทนาอยู่ข้างกายเธอด้วย นั่นคืออาราเนีย ไฮวินด์ ไซเอนเทีย อดีตหัวหน้ากองกำลังทหารรับจ้างปราบเดมอนที่โด่งดังในยุคมืด10ปีก่อนหน้านี้ ทั้งยังควบตำแหน่งภรรยาของราชเลขาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ร่างสูงระหงทรงเสน่ห์ในชุดราตรีสีดำเลื่อมเงินดั่งฟ้ายามราตรียิ่งทำให้เธอแลดูเฉิดฉายไม่แพ้ราชินีทีเดียว

หญิงงามทั้งสองดูราวกับเป็นดอกไม้งามประจำงานฉลองที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องหยุดสายตาไว้ที่คนทั้งคู่และเอ่ยชื่นชมความงาม

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ยินคำเชยชมนั้นแล้วจะชื่นชมคล้อยตามไปด้วย
...อย่างน้อยก็มีอยู่คนหนึ่งละนะ

"อย่ามัวแต่ทำหน้าบึ้งสิ อิกกี้"
กลาดิโอลัสยกมือขึ้นกอดอกทว่าใบหน้าบากนั้นกลับปรากฎรอยยิ้มล้อเลียน

"ฉันเปล่าสักหน่อย..."

"หน้านายมันฟ้องว่ากำลังหึงเมียอยู่ชัดๆ"
กลาดิโอลัสหัวเราะหึๆในลำคอ

"นั่นสิ ทีสาวๆคนอื่นกรี๊ดกร๊าดนาย อาราเนียไม่เห็นจะว่าอะไรเลย"
คราวนี้พรอมโต้เอ่ยสมทบขึ้นมาอีกคน

ราชเลขาคนปัจจุบันได้แต่ส่ายหน้าและถอนใจกับคำพูดนั้นเฮือกใหญ่

"พวกนายไม่รู้อะไรหรอก"

"หา?"

พระสหายทั้งสามขององค์ราชารวมทั้งน็อคติสต่างนั่งสนทนาอย่างเป็นกันเองอยู่บริเวณเก้าอี้ประธานของงาน ชวนให้นึกถึงวันคืนเก่าๆที่ทั้ง 4 คนออกเดินทางไปด้วยกัน

ขณะที่กลาดิโอลัสและพรอมโต้พยายามแซวอิกนิสเรื่องอาราเนียต่อไป สายตาของกษัตริย์หนุ่มแห่งลูซิสกลับจับจ้องไปยังมุมของสองสาวงามที่ 1 ในนั้นคือราชินีของเขาอย่างเงียบๆ

แววตาสีน้ำเงินคู่สวยทอประกายอ่อนโยนเมื่อจับจ้องไปยังผู้เป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ยิ่งเห็นเธอในชุดสีดำ...สีของเขาแล้ว ยิ่งดูน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก
ยิ่งได้ยินคำเชยชมแด่องค์ราชินี...เขาก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ

คนอื่นทำได้แต่มองและชื่นชม
เพราะเธอคือพระจันทร์ของเขา
...เป็นของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น

น็อคติสตกอยู่ในห้วงความคิดนั้นนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ แต่เมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง หญิงสาวที่เคยนั่งอยู่ที่มุมเดิมที่เขาจับจ้องได้หายไปแล้ว

น็อคติสเลื่อนสายตามองหาร่างบางของภรรยาสาว ก่อนจะมองเห็นลูน่ากำลังยืนส่งยิ้มให้กับเขาอยู่หน้าฟลอร์เต้นรำถัดไปไม่ไกลจากจุดที่เขานั่งอยู่

ดวงตาสีฟ้าใสและรอยยิ้มละไมของลูน่าเปรียบได้กับคำเชื้อเชิญจากเธอ
ฝ่ายกษัตริย์หนุ่มจึงแย้มยิ้มให้เป็นการตอบรับ

"ขอตัวก่อนนะ"
น็อคติสเอ่ยกับเพื่อนทั้งสามเบาๆก่อนลุกขึ้นเดินจากไปวงสนทนาไป

พรอมโต้มองตามหลังน็อคติสที่มุ่งไปหาลูน่าก็ยกมือขึ้นเท้าคางพลางแย้มยิ้ม
"คืนนี้ท่านลูน่าเฟรย่าเองก็สวยจังเลยน้า นานๆทีจะได้เห็นท่านในชุดสีดำแบบฉบับลูซิสนะเนี่ย"

"วันนี้นายดูเพ้อๆนะ พรอมโต้"
ราชองครักษ์ร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้ว

"เพราะว่าซินดี้ไม่มาร่วมงานน่ะสิก็เลยเพ้อ"
อิกนิสบอกเหตุผลตรงไปตรงมา

"อย่าย้ำเซ่! อิกกี้อ่า!"

"หึหึ ไม่ไหวเลยนะ"
กลาดิโอลัสส่ายหน้าด้วยความระอาเล็กๆ ขณะที่พรอมโต้งอแงเพราะถูกจี้ใจดำต่อไป

“อุตส่าห์แต่งหล่อมาแท้ๆ แต่ดันไม่มาร่วมงานซะได้ เง้ออออ!”

“รักษามารยาทหน่อย”
อิกนิสเอ่ยปราบชายหนุ่มผมบลอนด์ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของใครอีกคนแทรกขึ้นมากลางวง

"บอกให้คนอื่นรักษามารยาทแต่กลับทิ้งให้ฉันอยู่กับพระราชินีแล้วหลบมานั่งคุยอยู่ตรงนี้เนี่ย...ใช้ไม่ได้เลยนะ!"

ด้านหลังอิกนิสปรากฎเป็นอาราเนียกำลังยืนเท้าเอวราวกับไม่พอใจ แต่บนใบหน้าสวยคมนั้นกลับมีรอยยิ้มเยาะประดับอยู่ที่ริมฝีปากสีชาด

"อาราเนีย?"
อิกนิสเอ่ยชื่อภรรยาเบาๆ
"ขอโทษนะจ๊ะหนุ่มๆ แต่ขอยืมตัวท่านราชเลขาไปก่อนนะ"
อาราเนียโอบแขนทั้งสองล้อมรอบคอของอิกนิสจากข้างหลังพลางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่เหลืออีก 2 คน

“ตามสบายเลยครับ ท่านหญิง”

“เชิญเลยฮะ เลดี้ไซเอนเทีย~”

"ครับๆ อยากเต้นรำใช่ไหมล่ะ?"
คราวนี้เป็นอิกนิสที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แขนขวาของราชเลขาหนุ่มยกขึ้นโอบเอวบางของผู้เป็นภรรยาโดยอัตโนมัติ

"แหม ก็เต้นคนเดียวไม่ได้นี่นา"

อาราเนียหัวเราะคิกคักพลางปล่อยให้อิกนิสเป็นคนพาเธอเดินไปสู่ฟลอร์เต้นรำ ขณะที่ชายหนุ่มพระสหายที่เหลืออีก 2 คนได้แต่นั่งมองตามหลังอยู่ที่เดิม

“อิกกี้นี่ก็โชคดีชะมัด เฮ้อ ฉันก็อยากแต่งงานบ้างเหมือนกันน้า..."

"เฮ้อ นายนี่มันไม่ไหวจริงๆล่ะนะ พรอมโต้"

……………………………………………….

ท่วงทำนองของบทเพลง Starlit Waltz ดังก้องไปทั่วฟลอร์เต้นรำกลางห้องโถงใหญ่อันโอ่อ่า บรรดาแขกเหรื่อต่างพาคู่เต้นรำเข้ามาออกลีลาเต้นวอลซ์ฉบับดั้งเดิมของลูซิส แพรพรรณหลากสีสันของชุดราตรีขยับเคลื่อนตามจังหวะเต้นรำเกิดเป็นภาพงดงามชวนฝัน

แต่คู่ที่โดดเด่นที่สุดของฟลอร์เต้นรำคงหนีไม่พ้นองค์ราชาและราชินีแห่งลูซิสในฉลององค์สีรัตติกาล
"นานๆทีจะได้เห็นลูน่าแต่งชุดดำแบบนี้นะ…”
น็อคติสแย้มยิ้มเล็กๆขณะประคองร่างบางในวงแขนให้เต้นรำไปตามจังหวะของดนตรี
ด้านลูน่าช้อนดวงตาสีฟ้าสดใสขึ้นมองผู้เป็นสามีพลางเอ่ยถามเบาๆ

"ดูแปลกรึเปล่าคะ?"

ราชาหนุ่มจ้องมองใบหน้าอ่อนหวานตรงหน้าก่อนเลื่อนสายตาลงไปยังคอระหงขาวผ่องที่มีสร้อยจันทร์เสี้ยวแสนคุ้นตาประดับอยู่ ปกเสื้อซ้ายขวาทาบทับเข้าหากันคล้ายชุดกิโมโน ทว่าเว้าลึกพอจนแลเห็นเนินอกอิ่มเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นของร่างอ้อนแอ้นนั้นถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าไหมสีดำดุจฟ้ายามค่ำ

น็อคติสส่ายหน้าช้าๆก่อนเอ่ยเสียงกระซิบ
"...สวยมาก"

องค์ราชินีในค่ำคืนนี้ช่างมีเสน่ห์ลึกลับชวนให้ค้นหาอย่างน่าประหลาด
แถมยัง...ดูเซ็กซี่มากกว่าปกติเสียอีก

"คุณอาราเนียเลือกชุดให้ค่ะ"
ลูน่าหัวเราะเบาๆพลางหมุนตัวตามจังหวะวอลซ์
ด้านน็อคติสจ้องมองร่างในชุดดำที่หมุนตัวพลิ้วอย่างงดงามราวกับต้องมนต์ก่อนรั้งเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้งหนึ่ง

“งั้นคงต้องขอบคุณเลดี้ไซเอนเทียซะหน่อยแล้วล่ะ"

หญิงสาวหัวเราะเบาๆอีกครั้ง

การเต้นรำดำเนินต่อไปจนกระทั่งเสียงเพลง Starlit Waltz สิ้นสุดลง แขกชายหญิงทั้งในและนอกฟลอร์เต้นรำต่างปรบมือให้กับการเต้นรำขององค์ราชาและราชินีด้วยความชื่นชม

น็อคติสและลูน่าโค้งศีรษะลงเล็กน้อยให้แก่บรรดาแขกเป็นการขอบคุณ ก่อนวาทยากรจะยกไม้บาตองขึ้นเพื่อกำกับบทเพลงต่อไป

คราวนี้เป็นเพลง Sunset Waltz ที่มีทำนองเชื่องช้า ชายหนุ่มรั้งเอวภรรยาสาวเข้ามาจนร่างของคนทั้งคู่แนบชิดกันยิ่งกว่าเดิมก่อนขยับกายไปตามเสียงเพลง ขณะแสงไฟในห้องโถงพลันหรี่ลงเกิดเป็นบรรยากาศแสนโรแมนติก

แม้เหลือเพียงแสงสลัว แต่น็อคติสก็พอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนดวงหน้าสวยหวานของผู้เป็นภรรยา

"ลูน่า หน้าแดงเชียว"

"อา...คงเพราะก่อนหน้านี้ดื่มกับคุณอาราเนียไปนิดหน่อยมั้งคะ?"

ราชาหนุ่มยกมือขึ้นแตะพวงแก้มสีแดงปลั่งของราชินีสาว
"ไหวไหม?”

“สบายมากค่ะ”
เธอแย้มยิ้มพลางส่ายหน้าช้าๆ

ในตอนนั้นเอง ลูน่าผละมือจากน็อคติสที่ประคองไว้ในท่าเต้นรำก่อนยกแขนเรียวทั้งสองขึ้นโอบล้อมรอบคอของเขา ร่างบางอ้อนแอ้นบดเบียดหาไออุ่นของชายหนุ่มยิ่งกว่าเดิม

“ลู…”
ขณะที่ราชาหนุ่มประหลาดใจที่จู่ๆราชินีสวมกอดเขาอย่างแนบแน่นกลางฟลอร์เต้นรำใต้แสงไฟสลัวนั้น
หญิงสาวในอ้อมกอดเขย่งปลายเท้าขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มเลื่อนขึ้นเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของเขา

“ตอนนี้ฉัน…”

เมื่อได้ยินถ้อยคำต่อมาของเธอ น็อคติสถึงกับเบิกตากว้าง
เมื่อบทเพลงแช่มช้าแสนหวานจบลง แสงไฟของห้องโถงพลันสว่างขึ้นเป็นปกติ
พรอมโต้ที่นั่งอยู่ที่เดิมก็ตื่นจากมโนที่เขาจินตนาการว่ากำลังเต้นรำกับซินดี้

เขามองไปข้างหน้า
พบว่าบนฟลอร์เต้นรำกลับไม่มีแต่เงาขององค์ราชาและราชินี

“อ้าว น็อคกับท่านลูน่าเฟรย่าล่ะ?”
พรอมโต้เอ่ยถามกลาดิโอลัสที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“อืม ไม่รู้สินะ?”
ชายร่างสูงใหญ่ผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์กลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ทำเอาพรอมโต้ถึงกับขมวดคิ้วอย่างงุนงง

ก็ใช่สิ เขาไม่รู้จริงๆว่าองค์ราชาและราชินีหายตัวไปไหน
เขารู้เพียงแค่ว่าก่อนบทเพลงเมื่อครู่จะจบลง น็อคติสที่โอบกอดลูน่ากลางฟลอร์เต้นรำหันมาสบตากับเขาแว่บหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มนิดๆที่มุมปาก ด้านกลาดิโอลัสทำได้เพียงพยักหน้าให้ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางมองดูราชาหนุ่มจับมือราชินีผู้เป็นที่รักหนีหายไปจากงานเลี้ยงเต้นรำใต้แสงไฟสลัวอย่างเงียบเชียบ

มีเพียงเสียงกระซิบของลูน่าดังก้องซ้ำไปมาในหัวของน็อคติส
ขณะที่หัวใจของเขาพลันเต้นเร็วขึ้นทวีคูณ

ตอนนี้ฉัน…อยากอยู่กับน็อคติสแค่ 2 คนจังเลยค่ะ

……………………………………………….
ราชาแห่งลูซิสจูงมือราชินีของเขาเดินไปตามทางเดินยาวของปีกตะวันตกแห่งพระราชวังซิทาเดล
เนื่องจากบริเวณนี้ไม่ถูกใช้งานมานานจึงไม่มีทหารหรือคนรับใช้แม้แต่คนเดียว แม้แต่ดวงไฟตามทางเดินก็ยังถูกปิดไว้เหลือเพียงความมืดสลัว

ในเวลานี้ มีเพียงราชาและราชินีของเขาเดินเคียงคู่กันใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านทางระเบียงเท่านั้น

เขากำลังพาฉันไปไหนกันนะ?
หญิงสาวคิดเช่นนั้นแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกมา ปล่อยให้เขาจูงมือเธอเช่นนี้ต่อไปอย่างว่าง่าย

น็อคติสพาลูน่ามายังห้องๆหนึ่งที่อยู่สุดทางเดิน เขาดันประตูบานใหญ่ที่แกะสลักลวดลายสวยงามให้เปิดออกก่อนพาภรรยาสาวเข้าไปยังด้านใน

ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราไม่ต่างจากห้องอื่นๆของพระราชวัง ทางด้านซ้ายมือมีเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าไหมสีดำสนิท ถัดมาโต๊ะเขียนหนังสือทำจากไม้ชั้นดี แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของห้องนี้คือหน้าต่างกรุกระจกขนาดใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์ฝั่งตะวันตกของอินซอมเนียได้อย่างชัดเจน

ลูน่าจ้องมองแสงสีของอินซอมเนียยามค่ำตรงหน้าราวกับต้องมนต์ ขณะที่วงแขนแกร่งของผู้เป็นสามีโอบกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง

“ได้อยู่ด้วยกันแค่ 2 คนแล้วนะ”
น็อคติสจุมพิตที่ขมับขวาของเธอเบาๆ

“น็อคติสคะ ที่นี่คือ...?”

“ห้องของฉันเอง”

“ห้องของน็อคติสหรอคะ?”

“อืม พอย้ายไปอยู่คอนโดข้างนอกก็แทบไม่ได้ใช้ห้องนี้อีกเลย”

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมปีกตะวันตกถึงไม่มีคนอยู่เลย
แต่ตลอดทางเดินข้างนอกหรือภายในห้องนี้กลับดูสะอาดเรียบร้อย บ่งบอกว่าบริเวณนี้ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ปลายนิ้วข้างหนึ่งของน็อคติสยกขึ้นเกลี่ยปอยผมสีบลอนด์ที่ระข้างพวงแก้มเล่น

“ว่าแต่ทำไมห้องของเจ้าชายถึงอยู่ไกลจังเลยล่ะคะ?”

น็อคติสเงียบไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองภาพวิวนอกหน้าต่างเงียบๆก่อนยกนิ้วชี้ตรงไปข้างหน้า ขณะที่แขนอีกข้างยังโอบรัดร่างบางของภรรยาสาวเอาไว้แนบอก

“เห็นตรงนั้นมั๊ย?”
เสียงของชายหนุ่มแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินจนลูน่าต้องเงยหน้ากลับไปหาเขา

“...คะ?”

“...เทเนไบรอยู่ตรงนั้น”

ลูน่าเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ความรู้สึกบางอย่างพลันเอ่อล้นออกมาจากในหัวใจ
“น็อคติส…”

น็อคติสก้มหน้ามองลูน่า ดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยจับจ้องใบหน้าอ่อนหวานก่อนสบประสานกับดวงตาสีฟ้าใสของหญิงสาว ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างช้าๆจากนั้นจึงประทับจุมพิตแรกของค่ำคืนนี้ลงบนริมฝีปากอิ่มสีชมพูสวยอย่างแผ่วเบา

ชายหนุ่มถอนห่าง รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนมุมทั้งสองเมื่อแลเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนสบตาพราวระยับ ผิวแก้มปลั่งแดงระเรื่อเป็นสีชมพูอย่างเอียงอาย

ความลับเล็กๆในวัยเด็กของเขา
ในที่สุดก็ได้บอกเธอแล้ว

“ว้าย!”

ทันใดนั้นเอง แขนแกร่งทั้งสองของราชาหนุ่มแห่งลูซิสแปรเปลี่ยนจากกอดเป็นโอบอุ้มร่างบางของราชินีสาวขึ้นอย่างรวดเร็วและง่ายดาย เขาอุ้มเธอพลางสาวเท้าเดินไปยังเตียงสี่เสาที่ปูผ้าห่มเรียบร้อยก่อนวางร่างของลูน่าให้นั่งลงกับเตียง

ทว่าก่อนน็อคติสจะทำอะไรมากไปกว่านั้น เขากลับต้องชะงักเมื่อมือทั้งสองของลูน่าดันไหล่ซ้ายขวาของเขาเอาไว้เสียก่อน

"น็อคติส ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ..."

"ลูน่า?"

น็อคติสขมวดคิ้วด้วยความฉงนและเป็นห่วงขึ้นมาทันที มือทั้งสองยกขึ้นประคองใบหน้าของภรรยาโดยอัตโนมัติ
“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ดวงตาสีฟ้าคู่สวยฉายความลังเลและออดอ้อนในคราเดียวกัน
"ถ้าฉัน...ถ้าฉันอยากขออะไรสักอย่างจากน็อคติส..จะได้ไหมคะ?"

“ขออะไรหรอ?”

“บอกมาก่อนสิคะว่าได้รึเปล่า?”

แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังดูเอาแต่ใจ แต่เมื่อเขาเห็นเธอ...เธอผู้เป็นหญิงสาวแสนสำคัญกำลังเรียกร้องอ้อนวอนขออะไรบางอย่างจากเขาด้วยท่าทีน่ารักอ่อนหวานเช่นนี้แล้ว…

จะปฏิเสธได้อย่างไรกันล่ะ?

“องค์ราชินีปรารถนาสิ่งใด...ย่อมได้อยู่แล้ว”
ปลายนิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งของน็อคติสลูบไล้ริมฝีปากอวบอิ่มของลูน่าเบาๆ

“จริงหรอคะ?”

“จริงสิ”

ลูน่าแย้มยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อได้ยินเช่นนั้น มือทั้งสองของเธอที่เคยดันไหล่ของน็อคติสไว้ผละออกไป หญิงสาวฉุดรั้งแขนเสื้อข้างหนึ่งของเขาเบาๆเป็นเชิงให้นั่งลงเคียงข้างกับเธอบนเตียงนุ่มนั้น

น็อคติสนั่งลงบนเตียงอย่างว่าง่ายพลางรอฟังว่าสิ่งที่เธอจะ “ขอ” นั้นคืออะไร
แต่เขากลับต้องตกตะลึงเมื่อจู่ๆลูน่ากลับผุดลุกขึ้นมานั่งคร่อมตักเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!!

“ละ...ลูน่า…!?”

ชายกระโปรงของชุดราตรียาวสีรัตติกาลร่นสูงขึ้นจนเผยให้เห็นขาเรียวงามทั้งสองที่คร่อมขังเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ ขณะที่แขนทั้งสองของลูน่ายกขึ้นโอบรอบไหล่กว้างของชายหนุ่ม

“นี่อาจจะเป็นคำขอที่เอาแต่ใจที่สุด แต่…”

ดวงตาสีฟ้าตรงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักลึกล้ำและความปรารถนาร้อนแรงเท่าทวี
ทั้งหมดนี้มอบแด่ราชาผู้เป็นที่รักของเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น

"ฉัน...อยากได้น็อคติสค่ะ"

ราชันแห่งลูซิสถึงกับลืมหายใจเมื่อได้ยิน”คำขอ”ขององค์ราชินีขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆถอดสูทกษัตริย์สีดำที่เขาสวมใส่ออก ก่อนไล่ปลายนิ้วไปตามไลน์กระดุมเสื้อเชิ๊ตอย่างมีนัยยะ

“...อยากครอบครอง"
กระดุมเม็ดบนสุดถูกปลดออก ตามด้วยเม็ดที่ 2 และ 3 ไล่ลงไปเรื่อยๆ

ด้านน็อคติสยังตกตะลึงที่จู่ๆภรรยาผู้อ่อนหวานของเขากลับ“รุก”อย่างกะทันหันเช่นนี้
ทว่าความสับสนงุนงงนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เขาไม่ปฏิเสธเธอ ไม่หยุดยั้งเธอ
ซ้ำยังปล่อยให้เธอทำตามใจชอบต่อไป

ในเวลานี้ เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่ตื่นขึ้นมาทีละนิด

เมื่อกระดุมทุกเม็ดถูกปลดจากรังดุมจนหมด ลูน่าแตะปลายนิ้วที่ลำคอของน็อคติสอย่างแผ่วเบาก่อนเลื่อนต่ำลง ไล่ไปตามอกกว้างและหน้าท้องแกร่งเป็นเส้นตรง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกลั้นหายใจพร้อมกับบิดเกร็งโดยไม่รู้ตัว

ราชินีสาวหยุดสัมผัสจากปลายนิ้วไว้ที่เหนือขอบกางเกงของราชาหนุ่ม
ขณะดวงตาหยาดเยิ้มของเธอจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย

“...อยากให้น็อคติสเป็นของฉันคนเดียว"

สิ้นคำขอแสนเย้ายวนและเอาแต่ใจนั้น ริมฝีปากสีชมพูหวานโน้มลงประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของเขา น็อคติสตกใจเล็กน้อย ปลายลิ้นอุ่นของหญิงสาวที่ไล้เลียริมฝีปากล่างจนเขาเผยอปากปล่อยให้เธอรุกล้ำเข้ามาอย่างเต็มใจ ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันและกันราวกับไม่ต้องการแยกจาก จนกระทั่งลูน่าเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาอย่างเชื่องช้า

เสียงหวานเจื้อยเอ่ยออดอ้อน

"...ได้ไหมคะ?"

พระเจ้า!
เธอกำลังทำให้เขาคลั่ง!

น็อคติสใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ข่มใจไม่ให้ตัวเองเผลอเป็นฝ่ายจับลูน่ากดลงกับเตียงเสียเอง ก่อนรวบร่างบางที่คร่อมตักเขาอยู่ให้แนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น

"ฉันน่ะเป็นของลูน่ามาตั้งนานแล้ว ไม่รู้หรอ?”

เขายกมือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาจากนั้นจึงก้มลงประทับจุมพิตที่ปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา
"ถ้าลูน่าอยากทำอะไร...หรืออยากให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

ริมฝีปากคู่สวยระบายยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ฟังคำตอบของเขา
“ถ้าอย่างนั้น…”

ราชินีสาวยกมือทั้งสองวางลงบนไหล่ของผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เธอออกแรงดันให้เขาเอนตัวลงนอนช้าๆ จนแผ่นหลังของชายหนุ่มแนบสนิทไปกับเตียงอ่อนนุ่มเบื้องล่าง

ลูน่าเลื่อนกายลงทาบทับน็อคติสพร้อมกับโน้มใบหน้าลงชิดใกล้ จนทั้งสองต่างสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน

“คืนนี้...ขอคืนนี้ให้ฉันนะคะ?”
ริมฝีปากของเธอสัมผัสกับเขาทุกคำที่เอ่ยออกมา

“ลูน่า…”
ลูน่าเลื่อนตัวขึ้นเล็กน้อย ไล่ประทับจุมพิตลงบนหน้าผาก เปลือกตาทั้งสอง ก่อนไล่ไปตามสันจมูกโด่งได้รูป และเลื่อนลงมาประทับจุมพิตที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง

“คืนนี้...ฉันจะทำให้น็อคติสมีความสุขเองค่ะ”

ปกเสื้อทั้งซ้ายขวาถูกแยกออกเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องกำยำของราชาหนุ่มอย่างชัดเจน น็อคติสรู้สึกสะท้านเมื่อผิวกายสัมผัสกับอากาศเย็นเมื่อไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด และต้องบิดเกร็งยิ่งกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวไล่จูบจากปลายคางลงมายังลำคอ เธอขบเม้มดูดเลียจนปรากฎเป็นรอยจูบสีแดงประทับเสมือนเป็นเครื่องตีตราว่าเขาเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว

"อะ...อือ...!"

น็อคติสขบริมฝีปากล่างแน่นเพื่อไม่ให้เสียงครางเล็ดลอดออกมา มือทั้งสองประคองศีรษะของราชินีสาวเอาไว้พลางปลดเครื่องประดับศีรษะของเธอทิ้งไปก่อนแทรกนิ้วมือทั้งสิบเข้าไปยังเส้นผมสีบลอนด์สลวยดุจเส้นไหม

ในตอนนั้นเอง ลิ้นอุ่นเรียวเล็กเลื่อนลงมาไล้วนที่กลางอกของเขาก่อนลากเลื่อนไปสัมผัสยอดอกของชายหนุ่ม พลันประกบปากครอบลงดูดเม้มเฉกเช่นเดียวกับที่เขามักทำกับเธอทุกเขาในยามร่วมรัก

น็อคติสผู้ไม่เคยเป็นฝ่ายได้รับสัมผัสเช่นนี้มาก่อนก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้อีกต่อไป

"อะ...อ๊ะ....ละ ลูน่า!"
เขาครางออกมาในที่สุด

ลูน่าเงยหน้าขึ้นมองน็อคติสพลางหัวเราะคิกคักราวกับเด็กเล็กๆ
“อยากได้ยินอีกจังเลยค่ะ...”

มือข้างหนึ่งของลูน่าลูบไล้ผ่านหน้าท้องแกร่งก่อนเลื่อนลงไปยังขอบกางเกง ปลายนิ้วเรียวขยับปลดตะขอและรูดซิปลงช้าๆ

“อยากได้ยินเสียงของน็อคติสเรียกชื่อของฉัน...”

“ลูน่า...ดะ...เดี๋ยว…!”
ทว่าเสียงร้องห้ามของน็อคติสส่งไปไม่ถึงเสียแล้ว
เมื่อกางเกงและชั้นในของเขาถูกร่นลงจนพ้นทางไป แก่นกายชูชันร้อนรุ่มพลันถูกเกาะกุมด้วยมือเรียวอ่อนนุ่มของหญิงสาว ปลายนิ้วของเธอลูบไล้บางเบาขึ้นลงช้าๆ ก่อนบีบรัดและขยับเป็นจังหวะเร็วแรงขึ้นทีละน้อย ก่อเกิดเป็นความเสียวซ่านและวาบหวามแก่ชายหนุ่มอย่างร้ายกาจ

“อะ อา…!!”

ราชาหนุ่มหอบหายใจฮัก ทั่วทั้งร่างบิดเกร็งราวกับมีกระแสไฟแล่นผ่านไปทั่ว
เขาหลับตาแน่นพลางสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเธอที่เลื่อนผ่านกลางอกและหน้าท้องไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...

ไอร้อนจากลมหายใจแปรเปลี่ยนกลายเป็นความชุ่มชื้นของ....

“ลูน่าาา...!!”
น็อคติสร้องครางสุดเสียง นิ้วทั้งสิบของเขาแทรกลงยังกลุ่มผมสีบลอนด์ของเธออีกครั้งเมื่อลิ้นอุ่นเรียวโลมเลียไล่จากโคนขึ้นสู่ยอดชูชัน ปลายลิ้นนั้นแตะลิ้มรสของเหลวใสที่พรั่งพรูออกมาจากปลายยอด ก่อนจะอ้าปากดูดกลืนแก่นกายราวกับเป็นของหวานแสนโปรดปราน

โพรงปากอุ่นร้อนที่ตอดรัด
ลิ้นโลมไล้เลียที่เกี่ยวกระหวัด
ปลายฟันที่ขบลงมาบางเบา
มือนุ่มที่ลูบคลึงขึ้นลง

วินาทีนั้น ภายในหัวของน็อคติสแปรสภาพกลายเป็นสีขาวแสนว่างเปล่า
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้วงความคิดของเขา

“ลูน่า...ลูน่า อาาา!!”

...ชื่อของเธอ
เขาพร่ำเรียกชื่อของเธอราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่เขารู้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ สิ่งเดียวที่เขาไม่มีวันลืม
นับตั้งแต่เขาเอื้อนเอ่ยชื่อของเธอเป็นครั้งแรกจวบจนลมหายใจสุดท้ายของเขา

มีเพียงเธอเท่านั้น
พระจันทร์ของเขา

หัวใจของน็อคติสเต้นระรัวจนแทบระเบิด ร่างกายเกร็งกระตุกขณะไต่ระดับไปหาจุดสุดยอดแห่งการร่วมอภิรมย์ แต่ทว่า…

“อื้อ…!!”

สัมผัสจากปลายนิ้วและปลายลิ้นทั้งหมดมลายหายไปเมื่อจู่ๆลูน่าผละออกจากเขาอย่างกะทันหัน ทำเอาน็อคติสถึงกับคำรามในลำคออย่างไม่พอใจเมื่อเธอไม่ยอมปล่อยให้เขาไปถึงฝั่งฝัน

แต่ความไม่พอใจนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปเมื่อเขาลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า

ดวงหน้าอ่อนหวานของลูน่าถูกย้อมด้วยความปรารถนาอันร้องแรงโดยสมบูรณ์ ปกเสื้อของชุดราตรีสีรัตติกาลถูกแหวกออกจนหลุดร่นลงมายังต้นแขนทั้งสอง เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียนซ้ายขวาและหน้าอกอิ่มเปลือยเปล่าแสนเย้ายวน ชายกระโปรงผ้าไหมสีดำเลื่อนสูงขึ้นถึงสะโพกกลมมนแลเห็นเรียวขางามที่คร่อมทับตัวเขา ทั้งชุดมีเพียงสายรัดเอวที่ยังโอบรัดรอบเอวบางแต่ไม่อาจปกปิดเรือนร่างงดงามของเธออีกต่อไปแล้ว

น็อคติสถึงกับเบิกตากว้างเมื่อได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ลูน่าสวมใส่ชุดราตรีสีดำชุดนี้...
...เธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นในแม้แต่ชิ้นเดียว
“น็อคติส...”
ลูน่าสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาอันร้อนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากน็อคติสที่อยู่เบื้องล่างของเธอ เธอเลื่อนมือลงก่อนเกาะกุมแก่นกายของเขาอีกครั้ง ขณะที่มือทั้งสองของน็อคติสเลื่อนขึ้นประคองเอวคอดของหญิงสาว

ความรัก ความปรารถนา ความเร่าร้อนที่เขาและเธอคุ้นเคยและโหยหากันและเสมอ

ลูน่าทิ้งตัวลง ส่วนน็อคติสยกสะโพกขึ้นสอดรับ
แล้วเขาและเธอก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

“อ๊าาาาา...!!”

น็อคติสปล่อยให้ลูน่าควบคุมจังหวะตามที่เธอปรารถนาขณะมือทั้งสองของราชาหนุ่มผละจากเอวบางก่อนเลื่อนขึ้นเคล้าคลึงอกอิ่มทั้งสองพลางบีบเม้มยอดอกเพื่อสร้างความเสียวซ่านแก่เธอมากขึ้น ยิ่งเสียงครางแสนหวานของเธอดังขึ้นเท่าไหร ยิ่งเธอเร่งจังหวะมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขยับสะโพกเร็วและแรงมากขึ้นเท่านั้น

จังหวะรักของทั้งคู่สอดประสานเป็นท่วงทำนองแห่งความสุขสม
เสียงครางเอ่ยร้องเรียกชื่อของกันและกันดังขึ้นพร้อมกับเสียงหอบหายใจฮัก

"นะ น็อคติส อะ อ๊าาาา!!"

"ลูน่า…!!"

คราวนี้ทั้งคู่สัมผัสถึงจุดสุดยอดแห่งการร่วมรักในราตรีนี้พร้อมกัน
ความรักและความปรารถนารวมเป็นหนึ่ง ร่างกายและหัวใจได้รับการเติมเต็มกันและกัน
ดั่งฟ้ายามค่ำที่โอบกอดพระจันทร์ตลอดไป

ลูน่าทิ้งตัวลงทาบทับร่างของน็อคติสอย่างเหนื่อยอ่อน ขณะที่แขนแกร่งทั้งสองของชายหนุ่มโอบร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวโดยพลัน

ราชินีสาวขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองยกขึ้นประคองใบหน้าของผู้เป็นสามี
ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำเงินที่เธอรักหมดหัวใจ ก่อนริมฝีปากสีชมพูสวยจะแนบประทับจูบแสนหวานอีกครา

“น็อคติส ฉันรักคุณค่ะ”
คำกระซิบรักบางเบาเอื้อนเอ่ยผ่านรอยจุมพิตส่งตรงไปถึงหัวใจของเขา

“รักเหลือเกิน...รักยิ่งกว่าใครบนโลกใบนี้”

ในตอนนั้นเอง ลูน่าสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มของน็อคติสภายใต้ริมฝีปากของเธอ

“ฉันก็รักเธอ...ลูน่า”

เพียงได้ยินเสียงของเขาเอ่ยถ้อยคำที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต
เธอยังปรารถนาสิ่งอื่นใดบนโลกนี้อีกหรือ?

“รักยิ่งกว่าใครบนโลกนี้”

……………………………………………….

น็อคติสลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงมานอนอยู่ในห้องเก่าของตัวเอง
แต่เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนปรากฎขึ้นในหัวอย่างแจ่มชัด เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้

ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่ควรจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
...แต่กลับพบกับความว่างเปล่าแทนที่

เขาขมวดคิ้วพลางนึกฉงนว่าภรรยาหายไปไหน แต่คำถามในใจนั้นก็ได้รับคำตอบเมื่อเขาเห็นใครบางคนนอนคลุมโปงอยู่ที่ปลายเตียงอีกฝั่งหนึ่ง

เมื่อคืนเขายังนอนกอดเธออยู่ดีๆแท้ๆ
ทำไมพอตื่นมากลับเห็นเธอนอนอยู่แบบนั้นกันล่ะ?

"ลูน่า?"
น็อคติสเอ่ยเรียกพลางเอื้อมมือไปหาเธอ แต่กลับต้องชะงักเมื่อเสียงหวานเจื้อยดังลอดมาจากใต้ผ้าห่มนั้น

"อ๊า!! อย่านะคะ!!"

“ละ..ลูน่า?”

"เมื่อคืน ฉันทำเรื่องน่าอายมากๆลงไป...”
ลูน่าเอ่ยเสียงอ่อยพลางดึงผ้าห่มเอาไว้กับตัวแน่น

"ตอนนี้...ฉันไม่กล้ามองหน้าน็อคติสหรอกค่ะ"

เพราะ...เพราะเรื่องที่คุณอาราเนียบอกเมื่อวานนั่นแหละ!
แถมดันทำตามจริงๆอีก! เรานี่ีมัน…อ๊าาา! ทำลงไปได้ยังไงกันนะ!?

แต่ว่า...พอได้เห็น “สีหน้า” ตอนนั้นของน็อคติสแล้วมัน...

ลูน่างึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ทำเอาน็อคติสกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ

...แปลว่าเธอจำได้สินะ?

“แต่ฉันอยากมองหน้าลูน่านี่?”
เขาหยอกเธอต่อพลางดึงผ้าห่มมาจากลูน่า ด้านหญิงสาวหวีดร้องอออกมาพร้อมกับยื้อผ้าห่มที่คลุมร่างเธอเอาไว้สุดแรง

“ว้าย!! ไม่เอานะคะ! ฉัน...ฉันอาย...!”

“ไม่เห็นต้องเขินเลยนี่”
ราชาหนุ่มหัวเราะเบาๆ

เป็นสามีภรรยากันแท้ๆ แต่เธอกลับเขินอายกับเรื่องราวเช่นนี้เสมอ
แต่นั่นล่ะคือความน่ารักขององค์ราชินีของเขา

ทว่าไม่ว่าจะหยอกเย้าหรือปลอบโยนอย่างไร ลูน่าก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่มเสียที
น็อคติสจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

"ก็ได้ งั้นฉันจะไม่มาให้ลูน่าเห็นหน้าอีกต่อไปแล้ว"

ชายหนุ่มทำทีจะลุกขึ้นจากเตียงโดยทิ้งให้หญิงสาวนอนคลุมโปงต่อไปเพียงลำพัง
เมื่อลูน่าได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งลนลานและลังเลว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

"อ๊ะ ดะ เดี๋ยวค่ะ!”

เธอเผลอคลายมือจากผ้าห่มและขยับตัวจะลุกขึ้นตามอย่างลืมตัว
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอดันเปิดช่องว่างให้องค์ราชาดึงตัวออกมาจากใต้ผ้าห่มซะอย่างนั้น!

“ว้าย!"

ลูน่ากรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อน็อคติสกดร่างเปลือยของเธอเอาไว้กับเตียงหนานุ่ม ดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยตรงหน้าฉายแววขี้เล่นซุกซนเหมือนเด็กน้อย แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะอายุขึ้นต้นด้วยเลข 3 แล้วก็ตาม

"ราชินีผู้กล้าหาญเมื่อคืนหายไปไหนซะแล้วล่ะ?"

พวงแก้มใสถูกย้อมด้วยสีแดงก่ำด้วยความเขินอายสุดขีด หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่ยอมสบตากับเขา

"น็อคติส! ขะ ขี้โกงนี่คะ!"

ราชาหนุ่มกลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ขมับของเธออย่างหมั่นเขี้ยว
"ไม่ยักรู้ว่าลูน่าก็มีมุมแบบนี้ด้วย..."

“......”

“ลูน่า…?”

ลูน่าขบริมฝีปากล่างอย่างลังเลขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสหลุบต่ำลงพลางเอ่ยถามเบาๆ
"...เกลียด...รึเปล่าคะ?"

เขาจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิง...เป็นผู้หญิงแบบนั้นรึเปล่านะ?

"จะเกลียดได้ยังไงกันล่ะ?"
ปลายนิ้วเรียวของน็อคติสเชยคางมนของลูน่าให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แลเห็นดวงตาสีน้ำเงินแสนรักทอประกายสดใสเปี่ยมไปด้วยความยินดี

"เมื่อคืนเธอทำให้ฉันยิ่งคลั่งไคล้เธอเข้าไปใหญ่เลยนะ รู้ไหม?"

"นะ...น็อคติ…!!”

ก่อนลูน่าจะได้เอ่ยตอบโต้อะไร ริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานนั้นก็ถูกประกบปิดโดยน็อคติสเสียก่อน ลิ้นอุ่นร้อนของชายหนุ่มไล้เลียให้หญิงสาวยอมจำนนเปิดทางให้เขาได้แทรกเข้าไปลิ้มรสหอมหวานที่เขาโปรดปราน

"นะ น็อคติส...นี่มันเช้าแล้วนะคะ!"
ลูน่าร้องห้ามเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างแกร่งของน็อคติสที่บดเบียดเข้ามาพร้อมกับความปรารถนา

"เมื่อคืนมีงานฉลองตลอดทั้งคืน ฉันเลยงดราชกิจช่วงเช้าของวันนี้ไปแล้ว”
ราชาหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ พลางใช้มือใหญ่ร้อนรุ่มยกขึ้นเคล้นคลึงอกอิ่มทั้งสองข้างของหญิงสาว

“อะ อ๊า…!”

"อีกอย่าง...เมื่อคืนองค์ราชินีน่ารักมาก เพราะงั้นต้องให้รางวัลก่อนสิ"

"อื้อ...ไม่เอา! ห้ามพูดแล้วนะคะ!"

"ไม่พูดแล้วก็ได้"

น็อคติสโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตลูน่าอีกครั้งเพื่อจบการสนทนาแต่เพียงเท่านี้
เหลือเพียงเสียงครางหวานและลมหายใจหอบกระเส่าดังก้องในห้องบรรทมเดิมขององค์ราชาตลอดยามสายของวันนั้น

เป็นความลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของปีกตะวันตกแสนเงียบงัน
END.

แถมท้ายนิดหน่อย:

"อาราเนีย"

"หืม?"

"เมื่อวันก่อนที่มีงานเลี้ยง เธอได้คุยอะไรกับน็อคหรือท่านลูน่าเฟรย่ารึเปล่า?"

"อืม ทำไมหรอ?"

"จู่ๆน็อคก็ฝากขอบคุณเธอเรื่องอะไรก็ไม่รู้ พอฉันถามก็ไม่ยอมบอก"

"อ้อ คงเป็นเรื่องเสื้อผ้าขององค์ราชินีกับอะไรนิดๆหน่อยๆละมั้ง"

"ท่านลูน่าเฟรย่า?"

"อื้ม วันนั้นก็คุยเล่นตามประสาผู้หญิง...แล้วก็ดื่มด้วยกันนิดหน่อย"

"แค่นั้น?"

"แค่นั้นละจ้า"

“...”

“...”

"อาราเนีย"

"หืม?

"เปล่า แค่อยากเรียกน่ะ”

“.....”

“.....”

“หึ...ฉันก็รักนายเหมือนกันย่ะ ตาแว่น”

(END จริงๆแล้วค่ะ!)

……………………………………………….

Writer's Note:
ชุดราตรีสีดำของลูน่าในฟิคอ้างอิงจากชุดของลูน่าที่ไม่ได้ใช้ในหนัง Kingsglaive ด้านล่างนี้ค่ะ (ชุดทางซ้ายมือ)


ติดใจชุดนี้มากเป็นพิเศษเพราะเป็นชุดเดียวของลูน่าที่เป็นสีดำ สมกับเป็นเจ้าสาวของลูซิสจริงๆ555 แต่เนื่องจากรูปชุดไม่ค่อยชัดเลยบรรยายไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ แต่ลูน่าในชุดดำนี่ดูเซกซี่ดีนะคะ! ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นด้านมืดของพระจันทร์ดีค่ะ ^_^


1 ความคิดเห็น:

  1. รู้สึกว่าชุดนี้เหมือนจะเปลี่ยนมาให้​ เก็นเทียน่าใส่แทนนะ

    ตอบลบ